ธีทัต จันทราพิชิต
14 พฤษภาคม 2563
ในบรรดาคุณค่าที่สำคัญสำหรับความเป็นเสรีนิยม ความอดทนอดกลั้นนับเป็นชุดคุณค่าที่สำคัญมากที่สุดคุณค่าหนึ่งเพราะสำหรับเสรีนิยมสังคมจะไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างสงบสุขหากปราศจากคุณค่าชุดนี้ ทว่าความอดทนอดกลั้นก็ยังมีขีดจำกัด และเมื่อถึงจุดนั้นก็จะนำมาสู่สิ่งที่เรียกว่าความไม่อดทนอดกลั้น โดยในบรรดาความไม่อดทนอดกลั้นที่คลาสสิกมากที่สุด คงหนีไม่พ้นความไม่อดทนอดกลั้นทางศาสนา ที่เป็นปัญหาของเสรีนิยมยุคคลาสสิกต้องเผชิญ เราจึงพบว่าบิดาของเสรีนิยมอย่างจอห์น ล็อคแสดงท่าทีไม่ขออดทนอดกลั้นต่อผู้นับถือคาทอลิกกับกลุ่มคนนอกศาสนา[1] ความอดทนอดกลั้นจึงเป็นสิ่งที่เสรีนิยมยังไม่สามารถบรรลุซึ่งอุดมคติได้ จึงไม่เป็นสิ่งแปลกอะไรที่เราจะเห็นว่าผู้ที่แสดงตนว่าเป็นเสรีนิยมไม่ขออดทนอดกลั้นต่อแนวคิดที่พวกเขามองว่าเป็นภัยต่อเสรีภาพในทุกกรณี จนนำมาสู่คำถามที่ว่าพวกเขานับถือในเสรีภาพการแสดงออกจริงหรือเปล่า? ด้วยความที่ความอดทนอดกลั้นยังเป็นปัญหาที่คาราคาซังอยู่ไม่เลิกมันจึงกลายเป็นวัตถุดิบให้แก่การผลิตสื่อต่างๆ จำนวนมากหนึ่งในนั้นก็คือ The Witch ซึ่งฉายภาพของความไม่อดทนอดกลั้นทางศาสนา
The Witch เป็นภาพยนตร์ปี 2015 มีฉากหลังเป็นโลกศตวรรษที่ 17 ที่ความเห็นต่างทางศาสนาสามารถนำมาสู่ความตายได้อย่างง่ายดาย โดย The Witch เล่าถึงครอบครัวพิวริตันที่อพยพมายังนิวอิงแลนด์เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตตามวัตรปฏิบัติของศาสนาอย่างเคร่งครัด เพียงแต่ครอบครัวพิวริตันนี่ดูจะเคร่งศาสนามากไปหน่อยจนเพื่อนบ้านไม่สามารถอดกลั้นกับครอบครัวนี้และขับไล่พวกเขาออกจากอาณานิคมไปในที่สุด จนกลายเป็นเหตุให้ครอบครัวพิวริตันต้องเจอเรื่องแปลกๆ ที่อาจนำมาสู่อันตรายของชีวิตเข้าในที่สุด
ด้วยบรรยากาศของครอบครัวที่โดดเดี่ยวท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร และความรู้สึกที่ถูกกดทับให้เล็กจ้อยลงมาทำให้ The Witch สามารถสร้างความกดดันให้กับผู้ชมไม่ว่าผู้ชมจะเป็นชนชาติไหน ทั้งยังสามารถทำให้เกิดจุดสำคัญที่สุดของภาพยนตร์แนวสยองขวัญคือ ความกลัวจากความไม่รู้ จึงไม่แปลกที่แม้แต่คนไทยที่อาจไม่เข้าใจว่าเหตุใด The Witch จึงสยอง แต่ก็ยังรู้สึกกลัวได้จากความรู้สึกมืดบอดไปหมดทุกทาง
ด้วยความที่เป็นหนังสยองขวัญที่เล่นกับความแปลกปลอมที่เข้ามาคุกคามในปริมณฑลของสามัญสำนึก The Witch จึงสามารถตั้งคำถามกับสถาบันครอบครัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายอย่างก็ดูกระทบกับสหรัฐอเมริกาไม่ใช่น้อย แม้ทุกวันนี้เราอาจจะพบว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ก็จริง แต่ก็ยังพบว่าสหรัฐอเมริกาเต็มไปด้วยลัทธิแปลกๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นลัทธิที่แตกหน่อจากคริสต์ศาสนา และลัทธิเหล่านั้นนี้เองที่กลายเป็นวัตถุดิบในการสร้างภาพยนตร์สยองขวัญของสหรัฐอเมริกา และต่อให้ตัดเรื่องลัทธิความเชื่อออกไปก็ยังพบว่าสังคมอเมริกาเป็นสังคมที่เคร่งศาสนา ดังที่ผลการสำรวจของ Pew Research Center ในปี 2018 ที่ระบุว่าประชาชนวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีพฤติกรรมเคร่งศาสนาสูงกว่าประชาชนในวัยเดียวกันในประเทศพัฒนาแล้วด้วยกันค่อนข้างมาก กล่าวให้ชัดยิ่งขึ้นก็คือ มีประชาชนในสหรัฐอเมริกาจากการสำรวจราว 55% ที่บอกว่าพวกเขาสวดมนต์ทุกวัน ในขณะที่ประชาชน 25% ในแคนาดา 18% ในออสเตรเลีย 6% ในสหราชอาณาจักร และ 22% ในประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปโดยเฉลี่ยเท่านั้นที่มีพฤติกรรมดังกล่าว จนอาจกล่าวได้ว่าถ้าวัดจากนิสัยการสวดมนต์เป็นกิจวัตรแล้วคนอเมริกันมีพฤติกรรมเหมือนกับคนในประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนอย่างแอฟริกาใต้ (52%) บังคลาเทศ (57%) และโบลิเวีย (56%)มากกว่าคนในประเทศพัฒนาแล้วที่ร่ำรวยเสียอีก[2]
ทุกวันนี้จำนวนผู้นับถือศาสนาในประเทศตะวันตกมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญมาโดยตลอด แม้แต่ในประเทศที่มีคนนับถือศาสนาเป็นจำนวนมากอย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังมีงานวิจัยว่าในช่วงหลังมานี้สหรัฐอเมริกามีจำนวนผู้นับถือศาสนาลดลงเรื่อยๆ[3] แต่รากฐานของความเชื่อแบบคริสต์ศาสนาก็ส่งอิทธิพลอยู่ โดยกรณีของสหรัฐยังมีร่องรอยอย่างบนธนบัตรที่มีคำขวัญว่า “ในพระเจ้าที่เราเชื่อ (IN GOD WE TRUST)” ติดอยู่ทุกใบ เท่านั้นไม่พอตอนประธานาธิบดีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งยังต้องสาบานต่อหน้าคัมภีร์ไบเบิล และล่าสุดในพิธีการกล่าวปฏิญาณตนเป็นประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังมีการเลือกใช้เพลง God Bless America
สหรัฐอเมริกาจึงเป็นประเทศเต็มไปด้วยรากทางศาสนา และ The Witch ก็แสดงให้เห็นตรงจุดเริ่มต้นของประเทศที่เกิดจากความเคร่งในศาสนา และไม่รู้จักอดทนอดกลั้นต่อความเชื่ออื่น ทำให้เมื่อตัวละครลูกสาวของครอบครัวถูกสงสัยว่าเป็นพวกนอกศาสนาครอบครัวพิวริตันในเรื่องจึงทำการปฏิบัติอย่างลำเอียงโดยไม่ต้องลังเล แม้ว่าลูกสาวของครอบครัวจะเคร่งศาสนาไม่ต่างจากตนก็ตาม ขบวนการอศาสนิกหรือกระทั่งลัทธิบูชาซาตานในเรื่องจึงถูกให้ภาพเป็นขบวนการเสรีภาพ และสิ่งที่ทำให้ขบวนการเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นความเคร่งศาสนานี้เอง หรืออีกนัยคือ The Witch มีสารที่มุ่งโจมตีกลุ่มเคร่งศาสนาอย่างเห็นได้ชัด ตัวละครที่น่ากลัวที่สุดในเรื่องไม่ใช่แม่มดหรือซาตานแต่เป็นสมาชิกในครอบครัวผู้เคร่งศาสนาจนไม่ขออดกลั้นต่อความเชื่ออื่นที่ชื่อว่าแม่ และชีวิตของลูกสาวจะไม่พังพินาศเช่นนี้หากตัวละครพ่อแม่เชื่อใจว่าเธอบริสุทธิ์ไม่มีมลทิน
The Witch จึงเป็นภาพยนตร์ที่ช่วยให้เราพอเข้าใจปรากฎการณ์ของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรม และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง อย่างสหรัฐอเมริกา แต่กลับต่อต้านผู้อพยพและชาวมุสลิม เพราะประเด็นความไม่อดทนอดกลั้นทางศาสนาก็ยึดโยงกับความไม่อดทนอดกลั้นต่อความหลากหลาย ที่สุดแล้วแม้แต่ประเทศที่ได้ชื่อว่าเสรีก็ยังหนีเพดานของความอดทนอดกลั้นไปไม่พ้น และเพดานนั้นเองที่เป็นตัวจำกัดความหลากหลายทางสังคม ความอดทนอดกลั้นจึงเป็นภารกิจที่ยังไม่บรรลุสำหรับสังคมที่สมาทานเสรีประชาธิปไตย และจะยังคงเป็นปัญหาในสังคมไปอีกนานตราบเท่าที่มันจะดำรงอยู่ต่อไปได้
[1] ธเนศ วงศ์ยานนาวา. (2557). ความไม่หลากหลายของความหลากหลายทางวัฒนธรรม (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สมมติ, หน้า 118 – 119
[2] Fahmy, D. (2018, July 31). Americans are far more religious than adults in other wealthy nations. Retrieved from https://www.pewresearch.org/fact-tank/2018/07/31/americans-are-far-more-religious-than-adults-in-other-wealthy-nations/
[3] In U.S., Decline of Christianity Continues at Rapid Pace. (2019, December 31). Retrieved from https://www.pewforum.org/2019/10/17/in-u-s-decline-of-christianity-continues-at-rapid-pace/