Raw data สำหรับรายการ The Standard Daily x KPI กับ ผศ.ดร.ทพ.วีระศักดิ์ พุทธาศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และ ดร.ชลัท ประเทืองรัตนา นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในประเด็น ‘ทั่วโลกประชุมสภาอย่างไรท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ’ ในวันที่ 27 พ.ค. 63
ข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องของไทย
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 63 มีประกาศพระราชกำหนด ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์[1] พ.ศ. 2563 โดยมีมาตราที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
มาตรา 4 “การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประชุมที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องมีการประชุมที่ได้กระทำผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ร่วมประชุมมิได้อยู่ในสถานที่เดียวกันและสามารถประชุมปรึกษาหารือและแสดงความคิดเห็นระหว่างกันได้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
มาตรา 7 การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 11 ให้ถือว่าการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชกำหนดนี้เป็นการประชุมโดยชอบด้วยกฎหมาย และห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชกำหนดนี้เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายทั้งในคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีอื่นใด เพียงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
[1] ‘พระราชกำหนด ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563’ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137 ตอนที่ 30 ก หน้า 20 ณ วันที่ 18 เมษายน 2563 สืบค้นจาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/030/T_0020.PDF
Virtual Parliament
การระบาดของไวรัวโควิด-19 ทำให้การรวมตัวของคนจำนวนมากกลายเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา พร้อมกับการบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างจริงจัง ซึ่งนำมาสู่การงดเว้นกิจกรรมทางการเมืองเกือบทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตามยังมีความพยายามจะทำกิจกรรมทางการเมืองอยู่ไม่มากก็น้อย Virtual Parliament คือ หนึ่งมาตรเหล่านั้นที่ผนวกเอาหลักการที่เว้นระยะห่างทางสังคมเข้าไปผสานกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเชิงสถาบัน โดยมีประเทศจำนวนหนึ่งที่พิจารณาใช้ Virtual Parliament และมีประเทศที่ใช้ Virtual Parliament ไปแล้วสองประเทศเป็นอย่างน้อยได้แก่ สหราชอาณาจักรและประเทศแคนาดา
สหราชอาณาจักร
จากประสบการณ์ที่ประเทศอยู่ภายใต้ระบอบรัฐสภาอย่างยาวนานทำให้อังกฤษเคยผจญกับอุปสรรค์ที่ทำให้การรวมตัวกันของเหล่าผู้แทนประชาชนเป็นไปได้ยากอยู่ก่อนแล้วไม่ว่าจะเป็นเหตุนํ้าเน่าเสียในกรุงลอนดอนเมื่อปี 1858 หรือการทิ้งระเบิดแบบปูพรมในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ด้วยความสำคัญของรัฐสภาต่อระบอบการปกครองทำให้โดยปกติแม้จะมีอุปสรรค์แต่อังกฤษก็สามารถจัดการประชุมสภาได้ และในกรณีของโควิด-19 ก็ไม่ใช่กรณียกเว้น
การประชุมสภาแบบ Hybrid House of Commons ของอังกฤษมีจุดเด่นที่จะมีผู้เข้าประชุมสภาที่เวสมินเตอร์ เพียงแค่จำนวน 50 คน และทุกคนจะเว้นระยะห่างให้อยู่ในระยะปลอดภัยต่อการที่เสี่ยงที่จะติดเชื้อ ขณะที่ผู้ไม่ได้เข้าประชุมในสภาเวสมินเตอร์ อีก 120 คนจะสามารถใช้โปรแกรม Zoom นี้คือก้าวริเริ่มเบื้องต้นเพื่อที่จะนำไปสู่การพัฒนาเพื่อเป็นการเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมสภาแบบ Virtual Parliament อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม และยังคงทำหน้าที่ในการเป็นตัวแทนของประชาชนในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารที่กำลังจัดการกับวิกฤตโดยไม่ถูกตั้งคำถาม นอกจากนี้ยังการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ หากระบบ Hybrid House of Commons เป็นที่ประสบความสำเร็จ จะนำรูปแบบการประชุมทางบริหารนี้ไปใช้กับการถกเถียงในเรื่องของญัตติและข้อกฎหมาย รวมถึงความเป็นไปที่จะนำไปปรับใช้กับระบบการลงคะแนนเสียงในสภา
ทั้งนี้แม้จะมีการจัด Virtual Parliament แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมือนกับการประชุมสภาแบบปกติ จากการเปลี่ยนรูปแบบการเข้าร่วมทำให้พฤติกรรมของผู้เข้าประชุมเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ที่ประชุมทางโปรแกรม Zoom ในกรณีของสภาอังกฤษสามารถรับรู้ความแตกต่างได้จากเสียง เพราะโดยปกติแล้วสภาอังกฤษมีพฤติกรรมที่ชอบตะโกนโหวกเหวกเหมือนกำลังอยู่ในสนามมวย แต่หลังจากการเปลี่ยนใช้การประชุมแบบ Virtual Parliament พฤติกรรมของผู้เข้าประชุมนั้นสงบมากขึ้น ในทางตรงข้ามก็ขาดสีสันดึงดูดให้คนเข้ามาดูมากขึ้นด้วย
ประเทศแคนาดา
ไม่ใช่แค่บรรยากาศที่เปลี่ยนไป ซึ่งสามารถมองได้ว่าเป็นทั้งโอกาส และวิกฤต การประชุมสภา Virtual Parliament ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่มาจากความไม่คุ้นชินกับ Virtual Parliament ในประเทศแคนาดาการประชุมแบบ Virtual Parliament มีปัญหาด้านเทคนิคเป็นอย่างมาก อาทิ ผู้เข้าร่วมไม่ได้คุ้นชินกับโปรแกรมที่ใช้ประชุมไปจนถึงอินเตอร์เน็ตมีปัญหาจนไม่สามารถได้ยินเสียงของผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมที่ดูห่างเหินกัน และมีหลายครั้งที่ผู้เข้าร่วมต้องพยายามจะเช็คว่าผู้ฟังได้ยินเสียงของตนไหม
Virtual Parliament จึงเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีในยามวิกฤตที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม แต่ก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในกรณีที่สถานการณ์เป็นปกติ โดยเฉพาะการจัด Virtual Parliament เต็มขั้น อย่างไรก็ตามเนืองจาก Virtual Parliament ยังเป็นสิ่งที่ใหม่มาก Virtual Parliament จึงยังมีความเป็นไปได้ให้เราได้ศึกษา และทดลองในโอกาสต่อไป
อ้างอิง
- Castle, S. (2020, April 15). For the Foreseeable Future, U.K. Parliament May Meet in Cyberspace. Retrieved from https://www.nytimes.com/2020/04/15/world/europe/uk-parliament-cyberspace.html
- Coronavirus: Speaker outlines plans for ‘virtual’ Parliament. (2020, April 14). Retrieved from https://www.bbc.com/news/uk-politics-52282817
- Hoyle, L. (2020, April 29). Challenging times: How to get a virtual Parliament up and running during the coronavirus pandemic. Retrieved from https://www.wfd.org/2020/04/29/challenging-times-how-to-get-a-virtual-parliament-up-and-running-during-the-coronavirus-pandemic/
- Tumilty, R. (2020, April 29). COVID-19 Canada: First ‘virtual parliament’ brings accountability with a few technical headaches. Retrieved from https://nationalpost.com/news/politics/covid-19-canadian-politics-first-virtual-parliament-brings-accountability-with-a-few-technical-headaches
UK Parliament (2020, April 16). House of Commons takes historic first step towards virtual proceedings from https://www.parliament.uk/business/news/2020/april1/hybrid-house-of-commons/
การพิจารณาคดีผ่านช่องทางออนไลน์
ศาลของรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินการให้มีการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุนผ่านโปรแกรมซูม (Zoom) และถ่ายทอดสดไปยัง YouTube หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ส่งผลให้การรวมตัวของคนหมู่มากภายในห้องพิจารณาคดีชั้นศาลนั้นถูกเลื่อนออกไป แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานภายใต้สภาวะพิเศษ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการย้ายห้องพิจารณีคดีไปสู่พื้นที่ออนไลน์ แต่ยังเป็นการก้าวไปอย่างไม่เต็มตัว เป็น Hybrid approach กล่าวได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างพื้นที่ออนไลน์และออฟไลน์ โดยให้เหล่าคณะลูกขุนดำเนินการบนโปรแกรมออนไลน์และเจ้าหน้าทีที่เกี่ยวข้องอื่นๆ นั้นดำเนินการในห้องพิจารณาคดีดังเดิม ทั้งนี้คดีที่มีการพิจารณาโดยรูปแบบดังที่กล่าวไปนั้นเป็นการสรุปพิจารณาคดี คำตัดสินของคณะลูกขุนไม่มีผลผูกพันต่อคำตัดสินของศาล กล่าวได้ว่าเป็นการริเริ่มดำเนินการในช่วงทดลองการพิจารณาคดีโดยใช้เทคโนโลยีสื่อสาร โดยกำลังเป็นที่ศึกษาว่าการย้ายไปพืน้ที่ออนไลน์นั้นจะเป็นผลดีจริงหรือไม่ หรือจะสร้างผลเสียและความน่าเชื่อถือมากกว่าเดิม
ทว่าก็มีข้อกังวลในหลายเรื่องๆ ไม่ว่าจะเป็น
1. เรื่องการเก็บรักษาความลับของการพิจารณาในชั้นศาล เมื่อสามารถเข้าประชุมออนไลน์ได้จากที่บ้าน มีความเป็นไปได้ที่จะมีบุคคลที่สามหรือสี่รับฟังการพิจารณาคดีอยู่ด้วยหรือไม่?
2. คณะลูกขุนที่มีจำนวนมากจนทำให้อยากที่จะสังเกตุเห็นทุกคนในเวลาพร้อมเพียงกัน ทำให้มีการเสนอสร้างห้องย่อย (breakout room ของ zoom) เพื่อที่จะแบ่งคณะลูกขุนออกเป็นสองกลุ่มเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร
3. ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือมีข้อกังขาว่าการย้ายการพิจารณาคดีไปยังฐานออนไลน์จะยิ่งทำให้การเข้าถึงของประชาชนนั้นเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัคร หรือ court watcher[1]
3.1 กรณีตัวอย่างของการพิจารณาคดี[2]
ที่ New York City ไม่ยอมถ่ายทอดสดให้ประชาชนโดยทั่วไปได้เห็น หากต้องการจะรับชมจะต้องเดินทางไปดูยังศาลเท่านั้น
ที่ LA หรือ Miami ไม่มีช่องทางให้เข้าถึงการรับฟังการพิจารณาคดีในช่องทางออนไลน์
ที่ New Orleans อาสา court watcher และผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงได้ห้องพิจารณาคดีออนไลน์ได้ ทว่าล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้พิพากษาในคดีนั้นๆ (ซึ่งไม่ได้มีการรับประกันว่าจะได้รับฟังในทุกคดี)
4. ความเสถียรทางอินเตอร์เน็ทและการเข้าถึงฐานออนไลน์ที่อาจจะสร้างข้อได้เปรียบเสียเปรียบ
5. ความปลอดภัยของโปรแกรมบนฐานออนไลน์ จากกระแสข่าวเรื่องความมั่นคงของโปรแกรมออนไลน์ที่เปราะบางต่อการถูกเจาะระบบ
[1] https://www.theverge.com/2020/4/22/21230022/jury-zoom-trials-court-hearings-justice-system-virtual-transparency
[2] https://www.themarshallproject.org/2020/04/13/the-judge-will-see-you-on-zoom-but-the-public-is-mostly-left-out