รายงานผลการวิเคราะห์การสำรวจความคิดเห็นของประชาชน (Quick Survey) เรื่อง ภูมิทัศน์การเมืองไทยและความเชื่อมั่นทางประชาธิปไตยของประชาชน พ.ศ. 2568
ขวัญข้าว คงเดชานักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักนวัตตกรรมประชาธิปไตยเพื่อความยั่งยืน การจัดเก็บข้อมูลสำรวจความคิดเห็นของประชนในครั้งนี้ดำเนินการเพื่อศึกษาระดับความเชื่อมั่นของประชาชนไทยต่อระบอบประชาธิปไตยในบริบททางการเมืองในปัจจุบัน ผ่านปัจจัยที่เกี่ยวข้องอันได้แก่ ทัศนคติต่อการปกครอง ความไว้วางใจต่อสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ ระดับความภาคภูมิใจในชาติและทัศนคติแบบชาตินิยม และปัจจัยทางจิตสังคมที่ส่งผลต่อการยอมรับระบบอำนาจนิยม โดยอ้างอิงมาจากเครื่องมือ RWA (Right-Wing Authoritarianism) ของ Bob Altemeyer โดยมีเนื้อหาข้อค้นพบสำคัญดังต่อไปนี้ การสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จัดทำในช่วงสิงหาคม-กันยายน 2568 จำนวนประชากรผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,828 คน จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ใช้วิธีการสัมภาษณ์ตามแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) ที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ (stratified random sampling) ในทุกจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร กำหนดค่าความเชื่อมั่นไว้ที่ร้อยละ 95 และค่าความคลาดเคลื่อนที่ ±2.5 ผลสำรวจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นว่าประชาธิปไตยเป็นคำตอบในการแก้ไขปัญหาของประเทศ คิดเป็นร้อยละ 87.7 จากประชากรกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีเพียงส่วนน้อย หรือร้อยละ 12.3 ที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบประชาธิปไตย หากแต่เมื่อพิจารณาให้ลึกลงไป แม้ประชาชนจะเชื่อมั่นว่าระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นคำตอบ แต่ในชณะเดียวกันประชาชนเองก็ไม่ได้ยืนหยัดอย่างเด็ดขาดตามหลักการว่า จำเป็นจะต้องเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด และ…
Thailand AI Insights (ตอนที่ 1): ปัญญาประดิษฐ์ในสังคมไทย
เรียบเรียงโดย Jevon Dixonนักวิชาการ สถาบันพระปกเกล้าบรรณาธิการ และผู้แปล: ณัชชาภัทร อมรกุลผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมประชาธิปไตยเพื่อความยั่งยืนสถาบันพระปกเกล้า รู้หรือไม่ว่า ทุกครั้งที่เราเปิดแอปธนาคาร เช็กผลสุขภาพออนไลน์ หรือแปลข้อความจากภาษาอังกฤษ เราก็กำลังใช้ AI อยู่แล้ว เพราะ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ได้แทรกซึมอยู่ในทุกมุมของสังคมไทยอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ระบบราชการถึงร้านกาแฟ จากโรงพยาบาลถึงไร่นา มันไม่ใช่เรื่องของ “อนาคตที่กำลังจะมา” อีกต่อไป แต่คือ “ปัจจุบันที่เกิดขึ้นจริงแล้ว” ภายใต้ยุทธศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ พ.ศ. 2565–2570 ประเทศไทยกำลังผลักดันการใช้ AI ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทั้งในบริการสาธารณะ อุตสาหกรรมหลัก และธุรกิจรายย่อย พร้อมวางรากฐานด้านบุคลากร การกำกับดูแล และโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แรงขับเคลื่อนสำคัญเริ่มเห็นชัดในภาคบริการ เช่น การเงิน การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ขณะเดียวกัน เครื่องมือ AI ที่รองรับภาษาไทยก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถเข้าถึงและใช้งานได้จริง แม้จะฟังดูเหมือนเทคโนโลยีระดับโลก แต่ตัวเลขหนึ่งบอกได้ชัดว่า “AI ไทย” กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว…
Bpart: ปรัชญาของความโปร่งใส ความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี และโอกาสของไทยในประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
ณัชชาภัทร อมรกุลผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย27 มิถุนายน 2568 จากยุโรปสู่บทเรียนประชาธิปไตยผ่านเทคโนโลยี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเพื่อประชาธิปไตยกลายเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุโรปที่รัฐบาลท้องถิ่นเริ่มหันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน หนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ Bpart จากประเทศเบลเยียม ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลของรัฐได้ง่ายขึ้น และสร้างพื้นที่สำหรับการเสนอความคิดเห็นที่มีคุณภาพ ปรัชญาที่เริ่มจาก “ข้อมูล” แก่นของแพลตฟอร์ม Bpart คือแนวคิดที่ว่า “การมีส่วนร่วมที่แท้จริงต้องเริ่มจากการทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างเข้าใจง่าย” ดังที่ Bert Hendrickx ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bpart กล่าวไว้ว่า “บันไดขั้นแรกของการมีส่วนร่วมคือข้อมูล” หากไม่มีข้อมูลที่เข้าถึงได้ ประชาชนจะไม่สามารถตั้งคำถาม ตัดสินใจ หรือมีส่วนร่วมกับนโยบายสาธารณะได้อย่างมีความหมาย ปรัชญานี้สะท้อนผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ Bpart เข้าไปมีบทบาท เช่น โครงการ Je Gemeente Telt ซึ่งเปิดเผยงบประมาณของเมืองต่าง ๆ ในแคว้นแฟลนเดอร์สในรูปแบบภาพและภาษาที่เข้าใจง่าย ช่วยให้พลเมืองที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเงินสามารถดูได้ว่าเงินภาษีของตนถูกใช้ไปกับเรื่องใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน บริการสาธารณะ หรือค่าใช้จ่ายทั่วไปที่มักถูกจัดหมวดหมู่ไว้กว้างเกินไป จากงบประมาณแบบมีส่วนร่วม สู่การเรียนรู้ของพลเมือง แพลตฟอร์ม Bpart ยังถูกนำไปใช้ในกระบวนการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วมในเมืองแอนต์เวิร์ป ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนเสนอและโหวตโครงการสาธารณะมูลค่ากว่า 1.4 ล้านยูโรต่อปี…
การมีส่วนร่วมของประชาชนไม่ต้องเริ่มที่แพลตฟอร์ม แต่อยู่ที่คำถามที่เขาสนใจ: บทเรียนจาก EUComMeet สำหรับพรรคการเมืองไทย
ณัชชาภัทร อมรกุลผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย23 มิถุนายน 2568 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับสหภาพยุโรป โดยเฉพาะแนวทางที่เน้น deliberation process หรือกระบวนการไตร่ตรองร่วมกัน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (participatory democracy) โครงการ EUComMeet (European Union Communication and Meeting) ซึ่งเริ่มต้นในเดือนมีนาคม 2564 และจัดกิจกรรมสุดท้ายในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ณ กรุงบรัสเซลส์ ถือเป็นหนึ่งในความพยายามขนาดใหญ่ในการทดลองใช้ deliberative platforms เพื่อเชื่อมโยงประชาชนจากหลายประเทศในยุโรปให้เข้าสู่กระบวนการตัดสินใจทางนโยบายร่วมกัน (Buis, 2024) โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ Horizon 2020 ของสหภาพยุโรปจำนวนเกือบ 3 ล้านยูโร มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,500 คนจาก 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ไอร์แลนด์ และโปแลนด์ หากถือตามจำนวนงบประมาณและจำนวนผู้เข้าร่วม…
AI กับประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม: ศักยภาพที่ก้าวหน้า และความเปราะบางที่ต้องระวัง จากบทความของ Laura Giesen เรื่อง “AI in Digital Participation Tools – Where Do We Stand?” (2024)
ณัชชาภัทร อมรกุลผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย20 มิถุนายน 2568 เทคโนโลยีใหม่ในสนามประชาธิปไตย บทความของ Laura Giesen ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ Democracy Technologies เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2024 ได้นำเสนอภาพรวมของการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในเครื่องมือการมีส่วนร่วมทางการเมืองไว้อย่างน่าสนใจ โดยตั้งคำถามสำคัญว่า AI ถูกใช้งานจริงในระดับไหน และเทคโนโลยีนี้สามารถนำพาประชาธิปไตยไปในทิศทางใด Giesen พบว่า แม้การเปิดตัวของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น ChatGPT จะจุดกระแสให้ AI กลายเป็นประเด็นร้อน แต่ในเชิงการใช้งานจริงกับเครื่องมือประชาธิปไตย กลับมีเพียงบางฟีเจอร์เท่านั้นที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย ที่น่าจับตามองยิ่งกว่าคือจำนวนโครงการใหม่ ๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและทดลองทั่วโลก ประโยชน์ของ AI ต่อกระบวนการมีส่วนร่วม 1. ตรวจจับข้อความที่เป็นพิษ (Toxicity Screening)แพลตฟอร์มอย่าง Your Priorities และ Make.org ใช้ AI ในการคัดกรองคำพูดที่อาจสร้างความเกลียดชัง เพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่การมีส่วนร่วม 2. วิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ความคิดเห็น (Input…
นวัตกรรมประชาธิปไตยในพรรคการเมือง: เทคโนโลยี ความเป็นไปได้ และข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง รีวิวบทความ “Democratic Innovation without Political Parties Should Be Unthinkable” โดย David Farrell (2025)
ณัชชาภัทร อมรกุล บทนำ บทความของ David Farrell เรื่อง “Democratic Innovation without Political Parties Should Be Unthinkable” ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Party Politics ปี 2025 เสนอข้อถกเถียงสำคัญเกี่ยวกับบทบาทของพรรคการเมืองในยุคที่ประชาธิปไตยถูกตั้งคำถามและความหวังต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนขยายออกนอกกรอบเดิม Farrell เป็นฝ่ายที่ปกป้องพรรคการเมืองจากข้อกล่าวหาว่าเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย และยังเสนอว่าหากปราศจากพรรคการเมือง นวัตกรรมเชิงประชาธิปไตยย่อมไม่อาจเกิดขึ้นหรือฝังรากลึกได้ ในฐานะนักวิจัยที่สนใจเรื่องการใช้เทคโนโลยีในการเสริมสร้างศักยภาพของพรรคการเมือง บทความนี้ให้มุมมองที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเปิดประเด็นให้เห็นว่า พรรคการเมืองไม่เพียงเป็นเป้าหมายของการปฏิรูป แต่ยังสามารถเป็น เครื่องมือ ของการเปลี่ยนแปลงเองได้ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการปรับใช้กระบวนการถกเถียงร่วมกัน (deliberative processes) และเทคโนโลยีดิจิทัลในการเปิดพื้นที่ให้สมาชิกมีส่วนร่วมในระดับที่ลึกขึ้น 1. พรรคการเมืองจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพราะอะไร Farrell ท้าทายแนวโน้มที่แยกพรรคออกจากการถกเถียงเรื่องนวัตกรรมประชาธิปไตย โดยเตือนว่าสถาปัตยกรรมประชาธิปไตยแบบไร้พรรคอาจล้มเหลวในการสร้างฉันทามติในสังคม เขาเสนอว่าในยุคที่สมาชิกพรรคลดลง ความเชื่อมั่นตกต่ำ และเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบความสัมพันธ์ พรรคการเมืองจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียความชอบธรรมและพื้นที่ในสังคมการเมือง 2. พรรคการเมืองสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมได้ 3 ด้าน Farrell เสนอกรอบวิเคราะห์การปฏิรูปของพรรคออกเป็น 3 มิติ: โดยเฉพาะมิติที่สองและสาม พรรคสามารถลงมือได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการแก้กฎหมายระดับชาติ…
Something went wrong. Please refresh the page and/or try again.

