ขวัญข้าว คงเดชา
นักวิชาการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย

ค.ศ. 1925 – 1935 (พ.ศ.2468-2478) ภายใต้รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง หรือที่เรียกว่า Inter-war period ซึ่งตรงกันข้ามกับภาพจำของหลายคนที่มองว่าระยะเวลานับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สอง จวบจนถึงต้นสงครามเย็นนั้นมีแต่ความรุนแรงและความลำบาก หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี 1919 โลกมีความหวัง ทุกคนเชื่อว่าการสิ้นสุดของสงครามในยุโรปครั้งนี้จะนำมาซึ่งความสงบสุขของโลกอย่างแท้จริง แม้ว่าในท้ายที่สุด เกือบ 20 ปีให้หลังวิกฤตทางการเงินจะเกิดขึ้นและนำไปสู่สงครามครั้งใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิม
ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แห่งความหวังและการมองโลกในเชิงบวกเริ่มต้นจากวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งผ่านการลงนามใน The Treaty of Versailles ซึ่งภายใต้สนธิสัญญาที่มีรากฐานมาจากหลักการสิบสี่ข้อของประธานาธิบดีวิลสันของสหรัฐอเมริกานั้น มี The Covenant of the League of Nations ที่ได้ให้กำเนิดองค์การระหว่างรัฐแห่งแรก ในชื่อของ สันนิบาตชาติ หรือ League of Nations ในปี 1920
การสถาปนาสันนิบาตชาติขึ้นอย่างเป็นทางการนั้นมีเป้าประสงค์ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงระหว่างรัฐ โดยมุ่งเน้นไปยังประเด็นของการปลุดอาวุธ การป้องกันสงครามผ่านความมั่นคงร่วม (collective security) การยุติข้อพิพามระหว่างรัฐด้วยวิธีทางการทูตและการเจรจา และส่งเสริมการพัฒนาในระดับสากล
แรกเริ่มสันนิบาตชาติมีรัฐสมาชิกจำนวน 48 รัฐ โดยถือได้ว่าเป็นจำนวนมากในยุคสมัยดังกล่าว ก่อนจะเพิ่มถึง 63 รัฐในช่วงปลายยุค ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความสดใสและความหวัง ความสำเร็จของสันนิบาตชาติในกรณีพิพาทระหว่างรัฐอย่างสวีเดนและฟินแลนด์ หรือกรีชและบัลเกเรีย รวมถึงโครงการเพื่อการพัฒนาสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่าง ๆ เสริมความมั่นใจให้แก่รัฐชาติและประชาชนว่าโลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ความยั่งยืนทางสันติภาพอย่างแท้จริง และจะดำเนินไปอย่างนั้นอีกสิบปีร้อยปีผ่านกลไกระหว่างประเทศนี้
ความเชื่อดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับมุมมองและการปฏิบัตินโยบายการระหว่างประเทศในระยะช่วงต้นของ Inter-war ซึ่งดำเนินไปในกรอบของเสรีนิยม (ภายใต้สายการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) แนวคิดนี้เชื่อมั่นในความร่วมมือระหว่างตัวแสดง (ทั้งที่เป็นรัฐและไม่ใช่รัฐ) มุ่งเน้นไปยังการลดความเป็นรัฐ เพิ่มองค์กรระหว่างประเทศ ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมทางการระหว่างประเทศที่ผ่านมา ซึ่งมีกลิ่นอายของความชาตินิยมและความต้องการผลประโยชน์สูงสุดแก่ชาติตนเอง โดยสายเสรีนิยมนั้นมองว่าการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการแก่งแย่งทางอำนาจเพียงอย่างเดียว แต่สามารถเกิดความร่วมมือเพื่อนำไปสู่ผลประโยชน์สูงสุดของทุกตัวแสดงได้
ยุคแรกของโลกหลังสงคราม (post-war) ดำเนินไปในกรอบของระเบียบโลกแบบเสรีนิยม (Liberal World Order) ดังที่ประจักษ์ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านหลักการสิบสี่ข้อของประธานาธิบดีวิลสันและการสร้างสันนิบาตชาติ ซึ่งองค์การระหว่างรัฐนั้นมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทจริง ทว่ากรณีความขัดแย้งส่วนใหญ่มักเป็นกรณีพิพาทขนาดเล็ก นำมาสู่ข้อถกเถียงถึงความล้มเหลวของสันนิบาตชาติ และการเกิดขึ้นอีกครั้งของสงครามโลก เนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่าองค์การระหว่างรัฐนี้ไม่มีอำนาจมากเพียงพอที่จะไปบังคับใช้กับรัฐมหาอำนาจอื่น อาทิเช่นกรณีข้อพิพาทของจีนและญี่ปุ่นในการรุกล้ำดินแดน
การบังคับใช้ของสันนิบาตชาติไร้ซึ่งน้ำหนัก ไม่มีความเป็นรูปธรรมและไม่เกิดผลในการคลี่คลายความตึงเครียดได้จริง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางโครงสร้าง หรือทรัพยากรที่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละรัฐสมาชิกเพียงเท่านั้น วิกฤตทางเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ส่งผลให้หลายรัฐชาติหันมาให้ค่ากับผลประโยชน์ของรัฐตนเป็นสำคัญมากกว่า ไม่มีใครยอมที่จะเสียสละทรัพยากรให้แก่องค์การระหว่างรัฐ
ความพยายามในการสร้างระเบียบโลกแบบเสรีนิยมในช่วงดังกล่าวนั้นเผชิญหน้ากับกระแสต่อต้าน โดยหลายรัฐแสดงออกถึงความกังวลในเรื่องของผลประโยชน์ของรัฐตนเองและผลประโยชน์ของส่วนร่วม สหราชอาณาจักรไม่ยินยอมที่จะสละสถานภาพความได้เปรียบและการเป็นมหาอำนาจทางทะเล แม้กระทั่งประธานาธิบดีวิลสันผู้ริเริ่มและส่งออกแนวคิดระเบียบโลกแบบเสรีนิยมยังพ่ายแพ้ให้การคำตัดสินภายในประเทศของตนที่มองว่าการเข้าร่วมสันนิบาตชาติจะส่งผลในแง่ลบแก่อำนาจอธิปไตยของสหรัฐฯ
ความล้มเหลวของสันนิบาตชาติจึงไม่ใช่เพียงแค่ตัวโครงสร้าง น้ำหนักทางอำนาจที่ไม่เพียงพอ แต่ด้วยบริบทของสังคมโลกที่เคยชินกับระเบียบโลกอย่างสัจจะนิยม การเปลี่ยนผ่านมาสู่เสรีนิยมเกิดเป็นการตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ของรัฐชาติ ประกอบกับวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่าง the Great Depression ในช่วง 1929 กระตุ้นให้เกิดนโยบายสุดโต่ง เพิ่มความเป็นชาตินิยม ระเบียบโลกแบบเสรีนิยมจึงสั่นคลอน ภายในยุโรปกลายเป็นพื้นที่ของการแก่งแย่งกันระหว่าง 3 อุดมการณ์อย่างเสรีนิยม (ส่งออกโดยสหรัฐอเมริกา) คอมมิวนิสต์ (ส่งออกโดยสหภาพ
โซเวียต) และฟาสซิสต์ (ที่ส่งออกโดยอิตาลีผ่านความไม่พึงพอใจจากผลของสงคราม)
ในช่วงปลายยุค Inter-war period สันนิบาตชาติกลายเป็นองค์การระวห่างรัฐที่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพในการจัดการ หลายประเทศขัดขืนและผ่าผืนกฎบังคับของสันนิบาตชาติอย่างเปิดเผย หนึ่งในกรณีของการฝ่าฝืนครั้งสำคัญที่นำไปสู่จุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สองคือการที่ฮิตเลอร์ประกาศการกลับมาติดตั้งอาวุธ (rearmament) อีกครั้ง กลายเป็นความท้าทายครั้งใหม่ ซึ่งประทเศมหาอำนาจในยุโรปอย่างฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรในเวลานั้นเองก็มีความลังเลในการที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อระเบียบโลกแบบเสรีนิยมนี้ต่อหรือไม่ เหตุการณ์หลังจากนั้น นำไปสู่จุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ
จากข้อมูลข้างต้น สามารถอธิบายสมการของบริบทโดยคร่าวได้ดังนี้ ‘ระเบียบโลกใหม่เสนอและผลักดันโดยตัวแสดงรัฐมหาอำนาจ (พร้อมทั้งทางทรัพยากรและอิทธิพล) ผ่านการสร้างเครื่องมือ/กลไกในการเผยแพร่หรือคงไว้ซึ่งระเบียบดังกล่าวนั้น’ -ระเบียบโลกใหม่แบบเสรีนิยมที่ได้รับการผลักดันหรือเสนอโดยสหรัฐอเมริกาผ่านการสร้างกลไกอย่างองค์กรระหว่างรัฐ สันนิบาตชาติ เป็นกำลังในการล่อเลี้ยงระเบียบโลกดังกล่าว
อ้างอิง:
Putt, S. (2023, November 29). Benito Mussolini’s rise to power: From Biennio Rosso to March on Rome. TheCollector. https://www.thecollector.com/benito-mussolini-rise-to-power/
Johnson, I. (2021, August 5). How an International Order Died: Lessons From The Interwar Era. War on the Rocks. https://warontherocks.com/2021/08/how-an-international-order-died-lessons-from-the-interwar-era-2/
United States Holocaust Memorial Museum. (2018, October 31). World War I and Its Aftermath: Key Dates. Holocaust Encyclopedia. https://encyclopedia.ushmm.org/content/en/article/world-war-i-and-its-aftermath-key-dates
History.com Editors. (2023, March 27). League of Nations. History https://www.history.com/topics/world-war-i/league-of-nations
Siraut, M. (2018, January 18). Woodrow Wilson’s 14 Points and the Liberal World Order. The Mcgril. https://www.mironline.ca/liberal-world-order-myths/
Hacke, J. (2012, August). The Crisis of Liberalism in the Interwar Era. Hamburger Institu Fur Sozialforschung. https://www.his-online.de/en/research/project-details/projects/277/
Gostlow, J. (2014, February 26). Interwar Liberal Internationalism: Doomed to Fail? E-International Relations. https://www.e-ir.info/2014/02/26/interwar-liberal-internationalism-doomed-to-fail/

